หลายๆ คนที่เห็นคำว่า ฟอร์มูล่า อี (Formula E) อาจจะงงๆ ว่าคืออะไร มันคล้ายๆ กับเจ้าสุดยอดรถแข่งทางเรียบของโลกอย่าง ฟอร์มูล่า วัน (Formula 1) หรือไม่ ในขณะที่การแข่งขันของรถยนต์สูตรหนึ่ง หรือฟอร์มูล่า วัน นั้นทุกๆ ทีมพยายามพัฒนารถให้มีสมรรถนะสูงสุด เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่รถยนต์ทั่วๆ ไป ที่อยู่บนท้องถนนที่เราเห็นกันทุกวัน อีกหนึ่งรุ่น หนึ่งรูปแบบความเร็วอย่างรถพลังไฟฟ้า หรือ ฟอร์มูล่า อี (Formula E) ปัจจุบันนั้นหลายเป็นเวทีที่สำคัญในการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ ไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV = Electric Vehicle) ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นบนท้องถนน เนื่องด้วยการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการลดใช้พลังงานอีกด้วย

รถแข่งฟอร์มูล่า อี เทคโนโลยีที่ส่งต่อสู่ รถอีวี

                ฟอร์มูล่า อี คือ รถสูตรพลังงานไฟฟ้า (Formula E) คือหนึ่งในซีรีส์ของการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่จัดขึ้นภายใต้การดูแลของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ) ซึ่งเป็นองค์กรเดียวกับที่ดูแลการแข่งขันฟอร์มูล่า วัน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนารถแข่งควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

โดยแนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2011 ก่อนที่จะจัดการแข่งขันในปี 2014 ด้วยการใช้รถแข่งที่พลังงานไฟฟ้าแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า ปราศจากเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดการแข่งขันในรูปแบบสตรีทเซอร์กิต เนื่องจากไม่มีมลพิษ และไร้เสียงเครื่องยนต์รบกวนเหมือนกับรถแข่งในอดีตที่ผ่านมา

                รถอีวีหรือรถพลังงานไฟฟ้านั้น มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจมากมาย คือ  

               1. แบตเตอรี่ : หัวใจของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่ต้องง้อเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ก็คือแหล่งที่มาของพลังงานอย่างแบตเตอรี่ โดยสเปกในรถเวอร์ชั่นล่าสุดใช้ขนาด 54 kWh (จ่ายไฟได้ 54 กิโลวัตต์ ในเวลา 1 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้ในรถ EV ยุคปัจจุบัน
                2.ระบบส่งกำลัง : เมื่อรถไม่มีเครื่องยนต์การขับเคลื่อนจะถูกส่งผ่านระบบส่งกำลัง (Powertrain System) ด้วยการถ่ายทอดพลังงานจากการหมุนของมอเตอร์ไฟฟ้าไปสู่ล้อหลังซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อน โดยรถฟอร์มูล่า อี ให้กำลังสูงสุดถึง 250 กิโลวัตต์ เทียบได้กับรถยนต์ 270 แรงม้าเลยทีเดียว
                3. ยาง : ยางในรถ EV เป็นการพัฒนาร่วมกันกับมิชลิน ค่ายยางจากประเทศฝรั่งเศส โดยมีการออกแบบยางที่ต้องรองรับการขับเคลื่อนผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ภายได้ชื่อรุ่น Pilot Sport EV เป็นยางมีดอกที่สามารถวิ่งบนทางเรียบได้ในทุกสภาพอากาศ ซึ่งเป็นยางต้นแบบที่ต่อยอดมาสู่รถ EV บนท้องถนนเช่นเดียวกัน

รถแข่งฟอร์มูล่า อี เทคโนโลยีที่ส่งต่อสู่ รถอีวี

                จากการวิเคราะห์ของ Bloomberg ประเมินว่าในปี 2040 รถ EV จะทำยอดขายทั่วโลกเหนือรถเครื่องยนต์สันดาปเป็นครั้งแรก ซึ่งแน่นอนว่าอีก 20 ปีต่อจากนี้ โฉมหน้าและเทคโนโลยีรถ EV ก็จะต้องถูกพัฒนาไปอย่างต่อเนื่้องเช่นกัน ซึ่งสนามแข่งฟอร์มูล่า อี เปรียบเสมือนสนามทดลองยานยนต์แห่งอนาคต

อาทิ แบตเตอรี่ ที่จะถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น การชาร์จไฟที่อาจจะใช้เวลาสั้นลง และสามารถทำให้รถวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้นเทียบเท่าการเติมน้ำมัน 1 ถังที่วิ่งได้ในระดับ 600 กิโลเมตร และสุดท้ายคือจะทำอย่างไรให้ผู้ใช้รถเริ่มคุ้นชินกับการขับรถพลังไฟฟ้าว่าเป็นเรื่องปกติเหมือนการขับรถยนต์ในยุคนี้

                หากไล่ดูค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมแข่งขันฟอร์มูล่า อี ในยุคปัจจุบัน เห็นได้ชัดเจนว่าแต่ละทีมแข่งล้วนมาจากค่ายรถยนต์ดังแทบทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น อาวดี้ อดีตราชาแห่งมอเตอร์สปอร์ตระดับเอนดูรานซ์ ที่ประกาศยุติการพัฒนารถแข่งในศึก เอนดูรานซ์ ชิงแชมป์โลก ตั้งแต่ปี 2018 และหันมาพัฒนารถแข่งในศึกฟอร์มูล่า อี แทน

นอกจากนี้ยังมียี่ห้อรถดังอีกมากมายที่อยู่ในการแข่งขันฟอร์มูล่า อี อาทิ เมอร์เซเดส-เบนซ์, นิสสัน ปอร์เช่, บีเอ็มดับเบิลยู, มหินทรา (ค่ายรถอินเดีย) รวมถึงจากัวร์ส ซึ่งทุกยี่ห้อ มีรถพลังไฟฟ้า (EV) ยี่ห้อตัวเองขายอยู่ในตลาดรถยนต์เวลานี้ทั้งหมด และยังมีแนวโน้มค่ายรถเจ้าอื่นๆ ก็เตรียมที่จะเข้าร่วมชิงชัยในซีรีส์นี้ด้วยเช่นเดียวกัน

                Formula E เป็นการแข่งขันรถแข่งฟอร์มูล่า (รถแข่งล้อเปิด) ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งได้เริ่มจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2014 โดยประเดิมสนามแรกที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และได้จัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และในวันนี้ ผมก็จะพาไปทำความรู้จักกับรถแข่งฟอร์มูล่าสายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
                รถแข่ง Formula E ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลัง 200-กิโลวัตต์ หรือมีแรงม้าประมาณ 270-แรงม้า ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์เบาหวิว ที่หนักประมาณ 800-กิโลกรัมเท่านั้นเอง ส่งผลให้ Formula E ทะยานจาก 0-100 กม/ชม ภายในเวลาเพียง 3-วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ประมาณ 140 ไมล์ต่อชั่วโมงครับผม (หรือประมาณ 225 กม/ชม) มอเตอร์ไฟฟ้าถูกติดตั้งไว้ที่ด้านหลังของคนขับ ส่งกำลังผ่านเกียร์ซีเควนเชียล 5-สปีด ถ่ายทอดกำลังไปยังยางคู่หลัง โดยมีสปอนเซอร์ยักษ์ใหญ่คือ Michelin

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการแข่งขันนั้น รถแข่ง Formula E จะถูกจำกัดให้มีแรงม้าเพียงแค่ 200-แรงม้าเท่านั้น โดยแรงม้าที่เหลือนั้นจะได้รับอนุญาตให้ใช้ก็ต่อเมื่อทีมแข่งได้รับคะแนนโหวตจากแฟนคลับทั่วโลกมากที่สุด ซึ่ง Formula E เรียกระบบการโหวตเพื่อเพิ่มกำลังรถแข่งว่า แฟนบูสต์ และถึงแม้ว่าการแข่งขัน Formula E ยังไม่ดึงดูดผู้คนให้มาชมมากเหมือนกับการแข่งขัน Formula 1 แต่การแข่งขันดังกล่าวนั้นกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสที่จะทำให้การแข่งขัน Formula E กำลังจะกลายเป็นมอเตอร์สปอร์ตที่ได้รับการสนใจจากผู้ชมเป็นอันดับต้นๆ แน่นอน

เว็บไซต์กีฬาอันดับ 1 อัพเดทข่าวสารวงการกีฬาทุกประเภท ทั่วโลก ข่าวสารดีๆก่อนใครได้ที่นี้ ambbetth